ทำไมนักวิ่งควรเปลี่ยนรองเท้าทุก 500 กิโลเมตร

การเลือกและดูแลรองเท้าวิ่งเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อรองเท้าวิ่งใช้งานมานาน เกิดการสึกหรอและสูญเสียประสิทธิภาพ ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเจ็บเข่า เจ็บเท้า หรือบาดเจ็บจากการวิ่งได้ ซึ่งการเปลี่ยนรองเท้าวิ่งทุก 500 กิโลเมตรเป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
ข้อควรรู้ของการเปลี่ยนรองเท้าวิ่ง
รู้หรือไม่ อายุการใช้งานรองเท้าวิ่ง จะอยู่ที่ 500 – 800 กิโลเมตร ฉะนั้นการเปลี่ยนรองเท้าวิ่งทุกๆ 500 กิโลเมตรเป็นคำแนะนำที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งหลายคนเน้นย้ำ เพราะเมื่อวิ่งไปเรื่อยๆ จะเกิดอุปสรรคดังนี้
- พื้นรองเท้าหรือแผ่นรองรับอุ้งเท้าจะค่อยๆ เสื่อมสภาพ
- การลดทอนแรงกระแทกจะน้อยลง
- ข้อต่อและกล้ามเนื้อต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดการบาดเจ็บได้
- รองเท้าไม่สามารถรองรับสรีระของรูปเท้าได้อย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุผลทั้งหมด การเปลี่ยนรองเท้าใหม่จึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพของเท้าและข้อต่อในระยะยาว ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บและทำให้การวิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
สัญญาณบ่งบอกว่าควรเปลี่ยนรองเท้า
รองเท้าวิ่งก็เหมือนกับยางรถยนต์ มีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อถึงจุดหนึ่ง รูปทรงของรองเท้าก็อาจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้รองเท้าไม่สามารถรองรับสรีระของเท้าได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรเปลี่ยนรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ ได้แก่
- พื้นรองเท้าสึกหรอจนเห็นพื้นด้านใน
- รองเท้ามีรอยฉีกขาดหรือหลุดลุ่ย
- รู้สึกเจ็บเท้าหรือปวดเข่าเมื่อวิ่ง
- รองเท้ารู้สึกไม่สบายเท้าเมื่อสวมใส่
- รองเท้าเริ่มมีกลิ่นเหม็น
หากพบสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าถึงเวลาที่ควรอำลาคู่หูในการวิ่งคู่เก่าแล้ว และหาคู่ใหม่ที่พร้อมจะไปผจญภัยกับคุณในการวิ่งครั้งต่อไปแล้ว แนะนำว่าถ้าหากรู้สึกเจ็บเท้า หรือรองเท้าคู่เดิมไม่สามารถซัพพอร์ตเท้าของคุณได้อีกต่อไปแล้ว กดเลือกดูรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ และซื้อรองเท้าวิ่งออนไลน์กับ Rev ได้เลย
ผลเสียของการใช้รองเท้าวิ่งที่เสื่อมสภาพ
การใช้รองเท้าวิ่งที่เสื่อมสภาพเป็นระยะเวลานาน รองเท้าวิ่งคู่เก่าอาจเสื่อมสภาพ พื้นรองเท้าสึกหรออาจทำให้ใส่ไปนานๆ เท้าอาจจะผิดรูป ส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายอย่าง ดังนี้
- รองเท้าที่เสื่อมสภาพจะสูญเสียการรองรับแรงกระแทก ทำให้ข้อต่อต่างๆ เช่น ข้อเท้า เข่า และสะโพก ต้องรับแรงกระแทกมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้ง่ายอย่าง เอ็นร้อยหวายอักเสบ หรือปวดเข่าเรื้อรัง
- เมื่อพื้นรองเท้าสึกหรอ การกระจายน้ำหนักจะไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการผิดรูปของเท้าและส่งผลต่อท่าทางในการวิ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
- สวมใส่ไม่คล่องตัว ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการวิ่ง ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น และอาจทำให้หมดสนุกกับการวิ่งได้
- หากยังคงใช้รองเท้าคู่เดิมต่อไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บซ้ำๆ และเป็นปัญหาเรื้อรังได้
วิธีเลือกซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ที่ใช่และโดนใจ
การเลือกซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะรองเท้าวิ่งใส่สบาย เพราะรองเท้าที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ก่อนตัดสินใจซื้อ ลองมาดูเคล็ดลับในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่กัน
-
ลองใส่รองเท้าและเคลื่อนไหวขยับเขยื้อน
ลองใส่รองเท้าทั้งสองข้าง เดินเหยาะๆ วิ่งเบาๆ และดูว่ารู้สึกสบายเท้าและกรชับกับรูปเท้าไหม ควรมีช่องว่างเล็กน้อยระหว่างปลายนิ้วเท้ากับปลายรองเท้า เพื่อให้นิ้วเท้ามีพื้นที่ขยับ
-
เลือกขนาดรองเท้าที่พอดีกับรูปเท้า
ขนาดรองเท้าควรพอดี ไม่คับหรือไม่หลวมจนเกินไปเพราะจะทำให้เล็บเท้าช้ำ และไม่หลวมจนเกินไป เพราะจะทำให้เท้าไถลไปมาภายในรองเท้า และเท้าของเราอาจมีขนาดไม่เท่ากัน ควรลองใส่ทั้งสองข้างเพื่อเปรียบเทียบ
-
พิจารณาประเภทของพื้นรองเท้า
หากวิ่งบนพื้นแข็ง ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่ช่วยลดแรงกระแทกและหากวิ่งบนพื้นที่ขรุขระ เช่น ทางเดินป่า ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่ยึดเกาะได้ดี รองเท้าควรมีความยืดหยุ่นพอสมควร เพื่อช่วยให้เท้าเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
เลือกวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี
รองเท้าควรที่จะทำจากวัสดุระบายอากาศได้ดี ช่วยลดการอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์
5 รองเท้าวิ่งแนะนำจาก Rev
รองเท้าวิ่งจาก Rev Edition เป็นเพื่อนคู่ใจนักวิ่ง การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง หรือการวิ่งเพื่อลงแข่งขัน เราจึงมุ่งมั่นพัฒนารองเท้าวิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักวิ่งทุกคน เพื่อให้คุณวิ่งได้อย่างมั่นใจ สนุกสนาน และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
1. HOKA-SKYFLOW
พบกับรองเท้าวิ่งรุ่น Hoka Skyflow สัมผัสประสบการณ์การวิ่งที่เหนือกว่า ด้วยการยกระดับการวิ่งของคุณไปอีกขั้น รองเท้าวิ่งที่ออกแบบมาเพื่อการฝึกซ้อมในทุกๆ วัน ด้วยการผสมผสานความพรีเมียมและความสบายอย่างลงตัว ต้องรุ่นนี้เท่านั้น!
- อัปเปอร์ผ้าตาข่าย Creel Jacquard: ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ทำให้เท้าของคุณไม่อับชื้นขณะวิ่ง กระชับและรองรับเท้าได้อย่างมั่นคง
- พื้นรองเท้าชั้นกลาง Super Critical EVA: นุ่มสบายและตอบสนองได้ดี ช่วยลดแรงกระแทกและเพิ่มความมั่นใจในการวิ่ง
- พื้นรองเท้าชั้นนอก Durable Podura High-Abrasion: เป็นส่วนประกอบสำคัญของรองเท้าวิ่งที่ออกแบบมาเพื่อมอบความทนทานและความมั่นใจในการวิ่งให้กับคุณ
- APMA accepted ได้รับการตรวจสอบโดยกลุ่มแพทย์โรคเท้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งเสริมสุขภาพเท้า
2. ADIDAS-ADIZERO TAKUMI SEN 10
ใครที่เป็นสายวิ่งแข่งขันพลาดไม่ได้! สำหรับรองเท้าวิ่งที่สร้างมาเพื่อความไว และเพื่อการแข่งขันระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรที่ดีที่สุดของคุณไปกับรองเท้าวิ่ง Adizero Takumi Sen 10 รองเท้าแข่งวิ่งรุ่นล่าสุดในตระกูล Adizero ที่ออกแบบมาเพื่อความไวโดยเฉพาะ
- LIGHTSTRIKE PRO: ส่วนรับแรงกระแทก LIGHTSTRIKE PRO สองชั้น ผสานเข้ากับเทคโนโลยี ENERGYRODS เพื่อความแข็งและช่วยส่งแรงสับฝีก้าวขณะเปลี่ยนจากวิถีโค้งสู่ทางตรง
- ENERGYRODS: เทคโนโลยี ENERGYRODS ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้คุณวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- น้ำหนักเบา ระบายอากาศดีเยี่ยม: รุ่นนี้มีน้ำหนักเบา ทำให้คุณวิ่งได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว และ อัปเปอร์ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี ทำให้เท้าของคุณไม่อับชื้นขณะวิ่ง
- ความกระชับที่พอดี: เทคโนโลยี Slinglaunch ที่บริเวณส้นเท้า ช่วยให้รองเท้ารองรับและกระชับกับส้นเท้าของคุณได้อย่างพอดี ทำให้คุณรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยขณะวิ่ง
- พื้นชั้นล่างทำจากยาง Continental™: มีความทนทานสูง ทำให้พื้นรองเท้ามีความทนทานต่อการสึกหรอและการเสียดสี ช่วยให้คุณใช้งานรองเท้าได้อย่างยาวนาน
- มีวัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 20%
3. SAUCONY-HURRICANE 24
เลือกซื้อรองเท้าวิ่งได้แล้ววันนี้! Saucony Hurricane 24 เป็นรองเท้าวิ่งที่มอบความสบายเหนือระดับให้กับนักวิ่ง ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในปาร์ตี้โฟมทุกครั้งที่สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือการวิ่งเพื่อลงแข่งขัน Hurricane 24 จะเป็นเพื่อนคู่ใจของคุณในการก้าวไปข้างหน้า
- ระบบพื้นโฟมชั้นกลางแบบใหม่ เพียงชั้นเดียว: Hurricane 24 มาพร้อมกับระบบพื้นโฟมชั้นกลางแบบใหม่ที่รองรับแรงกระแทกแบบคู่ โดยใช้โฟม PWRRUN PB ที่เด้งที่สุดและนุ่มที่สุด ทำงานร่วมกับโฟม PWRRUN ที่รองรับแรงกระแทกได้ดีที่สุด ทำให้คุณรู้สึกสบายและมั่นใจในทุกย่างก้าว
- PWRRUN PB: โฟม PWRRUN PB เป็นโฟมที่มีความเด้งและนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยส่งแรงคืนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณวิ่งได้ไกลขึ้นและนานขึ้นโดยไม่เมื่อยล้า
- PWRRUN: โฟม PWRRUN เป็นโฟมที่รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ช่วยลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับเท้าขณะวิ่ง ทำให้คุณรู้สึกสบายและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- CenterPath Technology: เทคโนโลยี CenterPath ช่วยปกป้องเท้าของนักวิ่งได้เป็นอย่างดีในทุกๆ ก้าว ทำให้คุณรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยขณะวิ่ง
- ความสบายเหนือระดับ: Hurricane 24 มอบความสบายเหนือระดับให้กับนักวิ่ง ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในปาร์ตี้โฟมทุกครั้งที่สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือการวิ่งเพื่อลงแข่งขัน
4. ASICS-NOVABLAST 5 LUXE
รองเท้าคู่นี้เหมาะสำหรับการวิ่งที่หลากหลาย ตั้งแต่มือใหม่ จนถึงมือเก๋า Asics Novablast 5 คู่นี้เป็นรองเท้าซ้อมยอดนิยมสามารถสวมใส่ในทุกๆ วันยอดนิยม ที่กลับมาพร้อมความ "นุ่มเด้ง ระบายอากาศดีเยี่ยม" อีกครั้ง ด้วยไฮไลท์โฟมใหม่ FF Blast MAX ที่จะทำให้คุณประทับใจจนลืมไม่ลง
- ส่วน Upper มี Breathable Engineered Jacquard Mesh 2 ชั้น: ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้า ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ไม่อับร้อน คู่นี้หน้าเท้ากว้าง โปร่งสบาย ไม่รัดกระชับ มี Insole แบบถอดได้: ใช้วัสดุ Recycle ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
- มี Heel Counter แข็งแรง: ประคองเท้าได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเท้าล้ม เท้าแบน
- ส่วน Midsole มีFF Blast Max: ไฮไลท์ของ Novablast 5 ให้ความรู้สึกนุ่มเด้ง ตอบสนองดีขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนเหยียบก้อนเมฆ แต่ยังให้ Support ที่ดี
- ส่วน Outsole มี Trampoline-inspired: Concept เดิมที่ให้ฟิลลิ่ง สวมใส่แล้วเด้งเหมือนเหยียบแทมโพลีน
- มี AHAR Lo เสริมในพื้นยาง: พื้นยาง Asics ทนทาน ยึดเกาะพื้นได้ดี
- เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความนุ่มเด้งสบายในการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งในชีวิตประจำวัน หรือการวิ่งระยะทางไกล
5. HOKA-BONDI 9
กลับมาแล้วกับ Hoka Bondi 9 มาพร้อมการอัปเกรดที่ยกระดับความนุ่มสบายไปอีกขั้น ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การวิ่งที่เหนือกว่า หากคุณอยากเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเป็นรองเท้าที่มีความนุ่ม ช่วยซัพพอร์ตเท้าเป็นเลิศ "Hoka Bondi 9" ตอบโจทย์อย่างแน่นอน
- พื้นรองเท้าใหม่: Bondi 9 มาพร้อมพื้นรองเท้าใหม่ที่ใช้โฟม Super Critical EVA ซึ่งเป็นโฟมที่มีความนุ่มและเด้งเป็นพิเศษ ทำให้คุณรู้สึกสบายและมั่นใจในทุกย่างก้าว
- เพิ่มเทคโนโลยี Smooth MetaRocker™และ ความหนาที่เพิ่มขึ้น: พื้นรองเท้ามีความหนาเพิ่มขึ้น 2 มม. เพื่อรองรับแรงกระแทกได้อย่างเหนือชั้น และเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้เคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้อย่างไหลลื่น ช่วยลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับเท้าขณะวิ่ง ทำให้คุณรู้สึกสบายและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
- ปรับโฉมล็อคกระชับเท้าด้วย Active Foot Frame™แบบใหม่: ส้นรองเท้าได้รับการปรับโฉมใหม่เพื่อให้กระชับและสบายยิ่งขึ้น ช่วยให้เท้าของคุณไม่เคลื่อนที่ภายในรองเท้าขณะวิ่ง
- หน้าผ้า Knit ใหม่: หน้าผ้าทำจากวัสดุ Knit เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 55% มาพร้อมจุดสะท้อนแสง บนตัวรองเท้ามีความยืดหยุ่นและกระชับ รองรับทุกการเคลื่อนไหวของเท้า ทำให้คุณรู้สึกสบายและไม่อับชื้น
- รองเท้า Hoka Bondi 9 เหมาะสำหรับใช้วิ่ง ใช้เทรนนิ่งทุกวัน และ Max cushionroad run
รองเท้าวิ่งแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับสไตล์การวิ่งและความต้องการของคุณเอง รวมถึงลองเปรียบเทียบแต่ละรุ่นเพื่อหาคู่ที่ถูกใจที่สุด การเปลี่ยนรองเท้าวิ่งเป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของนักวิ่ง การใช้รองเท้าวิ่งที่เหมาะสมและเปลี่ยนใหม่ตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ป้องกันอาการปวดเมื่อยตามข้อต่อต่างๆ และช่วยให้การวิ่งของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การลงทุนกับรองเท้าวิ่งที่ดีสักคู่จึงคุ้มค่าอย่างแน่นอน คอนเฟิร์ม!